วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

11.ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาหลักสูตร



ปัจจัยทางด้านสังคม


      1.1  การศึกษาจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้สังคม ทั้งที่เป็นปัญหาร่วม อย่างปัญหาการคมนาคม ปัญหาเรื่องความปลอดภัยในทรัพย์สิน และชีวิตหรือปัญหาย่อยเฉพาะของแต่ละสังคม เช่น สังคมเมืองอาจประสบปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ การจราจร ขณะที่สังคมชนบทมีปัญหาเรื่องสุขภาพอนามัย เป็นต้น การกำหนดทิศทางของการศึกษาจึงเพื่อแก้ปัญหาใหญ่อันเป็นปัญหาร่วมของสังคม และยืดหยุ่นให้สังคมย่อยนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสังคมนั้นๆ     
1.2  การศึกษาจะช่วยให้คนในสังคมสามารถปรับตัวได้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของวิทยาการและเทคโนโลยีใหม่ๆ การจัดจึงต้องมีการเตรียมบุคคลให้เหมาะสมกับความต้องการของสังคมในอนาคตด้วย
1.3  การศึกษาจะช่วยให้คนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม จึงต้องปลูกฝังค่านิยม ศิลปวัฒนธรรม และความสำนึกที่ดีให้แก้ผู้เรียน


ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ

ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
การวางแผนทางการศึกษา จำเป็นต้องพิจารณาจึงโครงสร้างและแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เพราะภาวะเศรษฐกิจมีผลต่อการศึกษาของประชาชนอยู่มาก กล่าวคือ
ประการแรกเศรษฐกิจเป็นทุนของการศึกษา ผู้ที่มีฐานะทั้งเศรษฐกิจดีจะมีโอกาสได้รับการศึกษาสูง ผู้ที่ยากจนจะไม่มีโอกาสที่จะศึกษาได้
ประการที่สองเศรษฐกิจต้องการกำลังคนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ การศึกษาจะช่วยพัฒนาคนเพื่อไปเป็นกำลังแรงงานที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจ

          เป้าหมายทางการศึกษาที่มีความสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบัน จึงสรุปได้ดังนี้
           2.1 เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรม การศึกษาจึงควรมุ่งพัฒนาเกษตรกรรม เพื่อช่วยให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี
           2.2 เศรษฐกิจของสังคมไทยควรได้มีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น การศึกษาจะสอนให้รู้จักวิธีดารใช้และเก็บรักษาเครื่องมือ เครื่องจักรกล ให้ความรู้เรื่องการใช้แรงงานตามสภาพความเหมาะสมในท้องถิ่น
           2.3 การจัดการศึกษาต้องพยายามสร้างทักษะอย่างแท้จริงในทุกวิชา และมุ่งปรับปรุงการเกษตรให้มีคุณภาพ และให้ผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
           2.4 การศึกษาจะต้องฝึกฝนให้คนรู้จักทำงานร่วมกัน รู้จักจัดซื้อ และการจัดจำหน่าย รวมทั้งการลงทุนที่ประหยัดแต่ให้ผลคุ้มค่าสูงสุด

ปัจจัยทางด้านปรัชญา

 ปัจจัยทางด้านปรัชญา  ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน ได้สรุปไว้ดังนี้
    3.1 เนื้อหาสาระของการศึกษา ปรัชญา มีส่วนช่วยกำหนดจุดมุ่งหมายของการศึกษาเพื่อให้ได้แนวทางการจัดการศึกษาที่ดีที่สุด เพื่อชีวิตและสังคมปัจจุบันและอนาคต

3.2 ด้านวิทยาการ ปรัชญามีส่วนช่วยวิเคราะห์ สังเคราะห์ ตีความโดยใช้เหตุผลตามหลักตรรกวิทยา เกี่ยวกับคำและแนวคิด หลักการทางการศึกษา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในความคิดซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นใจในการปฏิบัติงาน


ปัจจัยทางด้านการเมืองการปกครอง

การจัดการศึกษากับการเมืองการปกครองมีความสัมพันธ์กันมาโดยตลอด  รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการศึกษา ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เพื่อเสริมสร้างบุคคลให้มีความรู้สำนึกและมีความรับผิดชอบทั้งต่อสังคมและตนเอง มีความคิดและความสามารถในการประกอบอาชีพ มีจริยธรรม คุณธรรม วัฒนธรรมพลานามัย ระเบียบวินัย มีความรัก และธำรงศิลปวัฒนธรรม ความเป็นไทย หวงแหนแผ่นดินเกิด ตลอดจนมีความซาบซึ้งและสามารถมีส่วนร่วมในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยจะเร่งดำเนินการดังนี้
1. จะจัดการศึกษาทุกระดับและทุกประเภททั้งในและนอกระบบโรงเรียนให้ประสานสัมพันธ์กัน และสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
2. จะปรับปรุงโครงสร้างระบบบริหารและการจัดการศึกษาทุกระดับและทุกประเทศให้มีเอกภาพประสานสัมพันธ์กัน ทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติจะสนับสนุนให้สถานศึกษาและหน่วยงานใช้ทัพยากรรวมกัน เพื่อให้การจัดการศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด
3. จะจัดและส่งเสริมให้สถานศึกษาทุกระดับเป็นศูนย์บริการด้านการศึกษาวิชาชีพ ศิลปะ วัฒนธรรม กีฬา พลานามัย นันทนาการและข่าวสาร
4. จะเร่งปรับปรุงคุณภาพของการศึกษาทุกระดับ  โดยปรับปรุงระบบการวางแผนการบริหาร การเรียนการสอน การกำหนดมาตรฐานและวิทยฐานะ ระบบการติดตามประเมินผล  ตลอดจนการนิเทศการศึกษา เพื่อให้เกิดความเสมอภาคกันทุกระดับและคำนึงถึงความต้องการของท้องถิ่นเป็นสำคัญ
5. จะสงเสริมการพัฒนาหลักสูตร  สื่อการเรียนและเทคโนโลยีใหม่ๆตลอดจนสื่อมวลชนทั้งภาครัฐและเอกชนมาใช้เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาคุณภาพ
6. จะเร่งฝึกและอบรมในด้านระเบียบวินัย คุณธรรมความรู้จักรับผิดชอบต่อสังคมและตนเอง ความรักในศิลปวัฒนธรรมละความสำนึกความเป็นไทยร่วมกัน เพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ เอกราช อธิปไตยของชาติ  และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ นอกจากนั้นจะส่งเสริมให้สถาบันศาสนาได้เข้ามามีบทบาทในการอบรมสั่งสอนด้านคุณธรรมให้มากขึ้น
7. จะส่งเสริมให้ผู้สอนในทุกระดับการศึกษาละทุกประเภทได้รับการยกย่องเชิดชู มีความก้าวหน้าและความมั่นคงในอาชีพ
8. จะสนับสนุนส่งเสริมการวิจัย เผยแพร่การวิจัย จัดให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้วิจัย ส่งเสริมให้มีการนำผลการวิจัยไปใช้ เพื่อสนองความต้องการของชุมชนและความก้าวหน้าทางวิชาการ
9. จะระดมทรัพยากรจากแหล่งต่างๆเพื่อนำมาใช้ในการขยายการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพ และจะปรับปรุงวิธีการจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษา เพื่อให้มีความเสมอภาคทางการศึกษา โดยเน้นการให้โอกาสแก่ผู้เรียน และกลุ่มชนที่มีโอกาสน้อย
10.จะสนับสนุนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาเอกชน โดยให้เอกชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาภายในขอบเขต และสัดส่วนที่เหมาะสม  นอกจากนั้นจะพยายามสนับสนุนให้สถานบันทางการเงินเข้าช่วยเหลือสถานศึกษาเอกชน และส่งเสริมคุณภาพทางการศึกษาของสถานศึกษาเอกชนให้ดีขึ้น

11. จะสนับสนุนกิจกรรมของนิสิตนักศึกษาทั้งในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัยที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนร่วม

อ้างอิง : จริยา จริยานุกุล. (2527). หลักสูตรและหนังสือเรียนมัธยมศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2. นครศรีธรรมราช: สำนักพิมพ์วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช http://nalita63.blogspot.com/p/blog-page_4218.html




แบบทดสอบแบบปรนัย

1.ปัจจัยทางด้านปรัชญามีกี่ด้าน

ก. 2 ด้าน
ข. 3 ด้าน
ค. 4 ด้าน
ง. 5 ด้าน

2.ปัจจัยทางด้านสังคมมีกี่ปัจจัย

ก. 2 ปัจจัย
ข. 3 ปัจจัย
ค. 4 ปัจจัย
ง. 5 ปัจจัย

3.ครูผู้สอนควรใช้เทคนิคการประเมินผลนักเรียนในระดับชั้นเรียนอย่างไรจึงเหมาะสม

ก. ประเมินด้วยการสังเกต
ข. ประเมินด้วยการสอบ
ค. ประเมินด้วยการวัดเจตคติ
ง. ประเมินอย่างหลากหลาย

4.ข้อใดคือ ประโยชน์ ที่เกิดจากการพัฒนาหลักสูตร สำหรับครูผู้สอน

ก. พัฒนาการศึกษาให้สอดคล้องความเจริญของสังคมและของโลก
ข. สามารถจัดการเรียนการสอนให้บรรลุวัตถุประสงค์
ค. ระบบการศึกษาก้าวหน้าทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ง. ประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของสังคม

5.การพัฒนาหลักสูตร ให้มีคุณภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์ คือข้อใด

ก. ผู้สอนพัฒนาคุณวุฒิของตนให้ทัดเทียมที่อื่น
ข. ผู้เรียนและชุมชนสนใจแสวงหาสถานศึกษาที่ดี
ค. ผู้บริหารสนใจพัฒนาศักยภาพด้านวิชาการและวิชาชีพ
ง. การประชุมปรึกษาร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

6.สิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้และปฎิบัติได้ตรงกับข้อใด

ก. สาระการเรียนรู้
ข. มาตรฐานการเรียนรู้
ค. ตัวชี้วัด
ง. หลักสูตรแกนกลางการศึกษา

7.เครื่องมือสำคัญในข้อใด ที่ส่งเสริมสนับสนุน การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการและคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตร

ก. สื่อการเรียนรู้
ข. ผู้ปกครองและชุมชน
ค. การวัดและประเมินผลที่มีคุณภาพ
ง. เทคนิคและวิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้

8.ข้อใดไม่ใช่ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลาง 51

ก. กิจกรรมแนะแนว
ข. กิจกรรมนักเรียน
ค. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
ง. กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด

9. เป้าหมายทางการศึกษาที่มีความสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบันมีกี่เป้าหมาย

ก. 2 เป้าหมาย
ข. 3 เป้าหมาย
ค. 4 เป้าหมาย
ง. 5 เป้าหมาย

10. ข้อใด ไม่ใช่ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551

ก. ความสามารถในการสื่อสาร
ข. ความสามารถในการคิด
ค. ความสามารถในการใช้ชีวิต
ง. ความสามารถในการแก้ปัญหา


แบบทดสอบแบบอัตนัย


1. ปัจจัยทางด้านสังคมมีกี่ปัจจัย อะไรบ้าง

ตอบ......................................................................................

2. ปัจจัยทางด้านปรัชญามีกี่ด้าน อะไรบ้าง

ตอบ......................................................................................

3.เป้าหมายทางการศึกษาที่มีความสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบันมีกี่เป้าหมาย อะไรบ้าง

ตอบ......................................................................................

4.การเสริมสร้างบุคคลให้มีความรู้สำนึกและมีความรับผิดชอบทั้งต่อสังคมและตนเอง ต้องมีจิตพิสัยด้านใดบ้าง

ตอบ......................................................................................

5.การวางแผนทางการศึกษา จะต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง จงอธิบาย

ตอบ......................................................................................


แนวคำตอบ

1) ตอบ มี 3 ด้าน

1.1  ด้านการศึกษาจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้สังคม

1.2  ด้านการศึกษาจะช่วยให้คนในสังคมสามารถปรับตัวได้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม

1.3  ด้านการศึกษาจะช่วยให้คนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม 

2) ตอบ 3.1 ด้านเนื้อหาสาระของการศึกษา   3.2 ด้านวิทยาการ 


3) ตอบ  2.1 เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรม การศึกษาจึงควรมุ่งพัฒนาเกษตรกรรม เพื่อช่วยให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี

           2.2 เศรษฐกิจของสังคมไทยควรได้มีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น
           2.3 การจัดการศึกษาต้องพยายามสร้างทักษะอย่างแท้จริงในทุกวิชา 
           2.4 การศึกษาจะต้องฝึกฝนให้คนรู้จักทำงานร่วมกัน 

4) ตอบ  มีจริยธรรม คุณธรรม วัฒนธรรมพลานามัย ระเบียบวินัย

5) ตอบ  จำเป็นต้องพิจารณาถึงโครงสร้างและแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เพราะภาวะเศรษฐกิจมีผลต่อการศึกษาของประชาชนอยู่มาก 

10.วิธีการและเครื่องมือประเมินหลักสูตร

 การประเมินหลักสูตรจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ

 

   ในระบบการประกันคุณภาพภายในของทุกสถาบันการศึกษา มีการกำหนดให้มีการประเมินหลักสูตร เพื่อการปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยและทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นตัวชี้วัดหรือเกณฑ์คุณภาพสำคัญตัวหนึ่ง สำหรับการประกันคุณภาพภายใน การดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นร่องรอยของความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาหลักสูตร ความพยายามในการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพและผลความสำเร็จของการผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพตรงตามหลักสูตรและความต้องการของสังคม พร้อมทั้งเป็นการรองรับการตรวจประเมินภายนอกจาก สมศ.





รูปที่ 1.1 ระยะของการประเมินหลักสูตร


การประเมินขั้นออกแบบหรือร่างหลักสูตร

     เป็นการประเมินรายละเอียดของหลักสูตรโดยพิจารณาคุณภาพของสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรประกอบด้วย3ส่วนได้แก่ 1) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร 2)คุณลักษณะของผู้สอนคุณลักษณะของผู้เรียนปริมาณและคุณภาพของโสตทัศนูปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการใช้หลักสูตรและ  3)กิจกรรมของผู้สอนและผู้เรียนที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์การใช้หลักสูตรเช่นการจัดการเรียนการสอนโดยนำทั้งสามส่วนนี้ไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของการใช้หลักสูตรที่กำหนดไว้



การประเมินหลักสูตรก่อนการนำหลักสูตรไปใช้

 การประเมินหลักสูตรก่อนนำหลักสูตรไปใช้ (Project Analysisช่วยทำให้ทราบว่าเอกสารหลักสูตรมีความถูกต้อง หรือไม่ มีความชัดเจนอ่านแล้วเข้าใจตรงกันหรือไม่ ทรัพยากรที่ใช้ในหลักสูตรมีเพียงพอหรือไม่ผู้บริหาร และผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจในหลักสูตรที่จะใช้เพียงใด แผนการใช้หลักสูตรมีความชัดเจนเพียงใด ซึ่งการประเมินหลักสูตรก่อนการใช้หลักสูตร เป็นปัจจัยเอื้อต่อการใช้หลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพการวัดและประเมินผลการเรียนซึ่งสามารถทำได้ 2 ลักษณะคือ
1. ประเมินหลักสูตรเมื่อสร้างหลักสูตรฉบับร่างเสร็จแล้วก่อนจะนำหลักสูตรไปใช้จริงควรมีการประเมินตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรฉบับร่างและองค์ประกอบต่างๆ ของหลักสูตรการประเมินหลักสูตรในระยะนี้ต้องอาศัยความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านพัฒนาหลักสูตรทางด้านวิชาชีพครูทางด้านการวัดผลหรือจะให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์หรือพิจารณาก็ได้

2. ประเมินผลในขั้นตอนทดลองใช้เพื่อปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ขาดตกบกพร่องหรือเป็นปัญหาให้มีความสมบูรณ์เพื่อประสิทธิภาพในการนำไปใช้ต่อไปเช่นหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2521 มีการทดลองใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2519 และ 2520 เพื่อหาข้อบกพร่องอุปสรรคจะได้แก้ไขให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป



การประเมินหลักสูตรระหว่างดำเนินการใช้หลักสูตร

การประเมินหลักสูตรระหว่างการดำเนินการใช้หลักสูตร (Formative Evaluationช่วยทำให้ทราบว่าการใช้หลักสูตรมีประสิทธิภาพเพียงใด เช่น การบริหารงานวิชาการ การจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลสื่อการเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ คุณภาพผู้เรียน เป็นต้น การประเมินระหว่างใช้หลักสูตรเน้นการประเมินเพื่อปรับปรุงและพัฒนา (evaluation for improvement) เป็นสำคัญในขณะที่มีการดำเนินการใช้หลักสูตรที่จัดทำขึ้นควรมีการประเมินเพื่อตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถนำไปใช้ได้ดีเพียงใดหรือบกพร่องในจุดไหนจะได้แก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมเช่นประเมินกระบวนการใช้หลักสูตรในด้านการบริหารการจัดการหลักสูตรการนิเทศกำกับดูแลและการจัดกระบวนการเรียนการสอน


การประเมินหลังจากการใช้หลักสูตรครบวงจร

การประเมินหลักสูตรหลังการใช้หลักสูตร (Summative Evaluation)หลังจากที่มีการใช้หลักสูตรมาแล้วระยะหนึ่งคือครบกระบวนการเรียบร้อยแล้วควรจะประเมินหลักสูตรทั้งระบบซึ่งได้แก่การประเมินองค์ประกอบด้านต่างๆ ของหลักสูตรทั้งหมดคือเอกสารหลักสูตรวัสดุหลักสูตรบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรการบริหารหลักสูตรการนิเทศกำกับติดตามการจัดกระบวนการเรียนการสอน ฯลฯ เพื่อสรุปผลตัดสินว่าหลักสูตรที่จัดทำขึ้นนั้นควรจะดำเนินการใช้ต่อไปหรือควรปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นหรือควรจะยกเลิกเช่นหลักสูตรประถมศึกษาพุทธศักราช 2521 มีช่วงระยะการใช้งาน 6 ปีเมื่อครบ 6 ปีแล้วจะมีการประเมินผลหลักสูตรรวบยอดทั้งหมดโดยนำข้อมูลตั้งแต่ระยะที่ 1 จนถึงระยะที่ 2 มารวบรวมวิเคราะห์และประเมินคุณค่าทั้งนี้อาจจะต้องอาศัยข้อมูลที่สำคัญอีกบางข้อมูลเช่นผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียนซึ่งได้แก่การนำไปใช้ในการดำรงชีวิตการประกอบอาชีพเข้ามาประกอบการวิเคราะห์และประเมินค่าด้วย


การประเมินผลกระทบของหลักสูตร


            1. ประเมินด้านการวางแผนการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรมักไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ทำให้ขาดความละเอียดรอบคอบในการประเมินผล และไม่ครอบคลุมสิ่งที่ต้องการประเมิน

            2. ประเมินด้านเวลา การกำหนดเวลาไม่เหมาะสมการประเมินหลักสูตร ไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด ทำให้ได้ข้อมูลเนิ่นช้าไม่ทันต่อการนำมาปรับปรุงหลักสูตร

            3. ประเมินด้านความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการประเมินหลักสูตร คณะกรรมการประเมินหลักสูตรไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องหลักสูตรที่จะประเมิน หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินผล ทำให้ผลการประเมินที่ได้ไม่น่าเชื่อถือ ขาดความละเอียดรอบคอบ ซึ่งมีผลทำให้การแก้ไขปรับปรุงปัญหาของหลักสูตรไม่ตรงประเด็น

            4. ประเมินด้านความเที่ยงตรงของข้อมูล ข้อมูลที่ไม่ใช้ในการประเมินไม่เที่ยงตรงเนื่องจากผู้ประเมินมีความกลัวเกี่ยวกับผลการประเมิน จึงทำให้ไม่ได้เสนอข้อมูลตามสภาพความเป็นจริงหรือผู้ถูกประเมินกลัวว่าผลการประเมินออกมาไม่ดี จึงให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง

            5.ประเมินด้านวิธีการประเมิน การประเมินหลักสูตรส่วนมากมาจากการประเมินในเชิงปริมาณ ทำให้ได้ข้อค้นพบที่ผิวเผินไม่ลึกซึ้ง จึงควรมีการประเมินผลที่ใช้วิธีการประเมินเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพควบคู่กัน เพื่อให้ได้ผลสมบูรณ์และมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

            6.ประเมินด้านการประเมินหลักสูตรทั้งระบบ การประเมินหลักสูตรทั้งระบบมีการดำเนินงานน้อยมาก ส่วนมากมักจะประเมินผลเฉพาะด้าน เช่น ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในด้านวิชาการ (Academic Achievement) เป็นหลัก ทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด



หลักเกณฑ์ในการประเมินหลักสูตร

 1. มีจุดประสงค์ในการประเมินที่แน่นอน การประเมินผลหลักสูตรจะต้องกำหนดลงไปให้แน่นอนชัดเจนว่าประเมินอะไร
     2. มีการวัดที่เชื่อถือได้ โดยมีเครื่องมือและเกณฑ์การวัดซึ่งเป็นที่ยอมรับ
   3. ข้อมูลเป็นจริงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการประเมินผล ดังนั้น ข้อมูลจะต้องได้มาอย่างถูกต้องเชื่อถือได้และมากพอที่จะใช้เป็นตัวประเมินค่าหลักสูตรได้
    4. มีขอบเขตที่แน่นอนชัดเจนว่าเราต้องการประเมินในเรื่องใดแค่ไหน
    5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ
  6. การรวบรวมข้อมูลมาเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ และกำหนดเครื่องมือในการประเมินผลจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
   7. การวิเคราะห์ผลการปะเมินต้องทำอย่างระมัดระวังรอบคอบ และให้มีความเที่ยงตรงในการพิจารณา
    8. การประเมินผลหลักสูตรควรใช้วิธีการหลายๆ วิธี
    9. มีเอกภาพในการตัดสินผลการประเมิน

 10. ผลต่างๆ ที่ได้จากการประเมินควรนำไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในโอกาสต่อไป เพื่อให้ได้หลักสูตรที่ดี และมีคุณค่าสูงสุดตามที่ต้องการ

ขั้นตอนในการประเมินหลักสูตร

            1.วิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้เชิงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ซึ่งประกอบด้วย สาระสาคัญของการเรียนรู้และพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน

            2.ระบุสถานการณ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความรู้ความสามารถของตนเองที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้

            3.คัดเลือกวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและตรวจสอบคุณภาพด้านความเที่ยงตรง(validity)ความเชื่อมั่น(reliability)และความเป็นปรนัย(objectivity)

            4.เก็บรวบรวมข้อมูลที่นำไปสู่การประเมินตามจุดประสงค์การเรียนรู้โดยใช้เครื่องมือที่หลากหลาย

            5.เปรียบเทียบข้อมูลที่เก็บรวบรวมกับเกณฑ์หรือมาตรฐานการประเมินรวมทั้งลงสรุปผลการประเมิน

            6.วิเคราะห์ผลการประเมินเกี่ยวกับจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขหลักสูตร

            7.นำผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องเมื่อสรุปผลการประเมินแล้วจะต้องนำผลการประเมินที่ได้ไปใช้สาหรับการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นต่อไป


การประเมินหลักสูตรแบบซิป(CIPP Model)

               การประเมินหลักสูตรแบบซิป (CIPP Model) นี้เป็นการประเมินสภาพข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรในด้านต่าง ๆ ให้มีความครอบคลุมมากที่สุดจะกล่าวได้อีกนัยหนึ่งก็คือ การประเมินหลักสูตรแบบซิป (CIPP Model) เป็นแนวทางในการดำเนินการนั้นก็คือการประเมินระบบหลักสูตรนั่นเองการประเมินผลหลักสูตรตามรูปแบบของ ฟาย เตลตา แคบปา (The Phi Delta Cappa Committee Model) รูปแบบการประเมินหลักสูตรตามแนวความคิดนี้ ได้รับการพัฒนามาจากแนวความคิดในการประเมินโครงการของแดนเนียล แอล สตัฟเฟิลบีม (Daniel L. Stufflebeam) การประเมินผลในรูปแบบนี้นิยมเรียกชื่อว่า CIPP Model โดยหลักการของการประเมินหลักสูตรตามรูปแบบซิป (CIPP  Model) จะมุ่งการปะเมินสภาพการณ์ต่าง ๆ ของหลักสูตร 4 ส่วนด้วยกันคือ 

                    4.1  การประเมินสภาพแวดล้อม (Context Evaluation-C) เป็นการประเมินสภาพ ปัญหาและความต้องการของสังคมตลอดจนปรัชญาและแนวคิดต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การกำหนด จุดมุ่งหมายของหลักสูตร 

                   4.2  การประเมินปัจจัยเบื้องต้น (Input Evaluation-I) เป็นการตรวจสอบสภาพและความพร้อมของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตร เช่น อาคาร สถานที่ บุคลากร งบประมาณ ฯลฯ 

                    4.3  การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation-P) เป็นการประเมินกระบวนการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการบริหารและบริการหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนกระบวนการส่งเสริมการใช้หลักสูตร เป็นต้น 

                    4.4  การประเมินผลิตผล (Product Evaluation-P) เป็นการประเมินผลิตผลที่ได้จากหลักสูตรว่าตรงกับเจตนารมณ์และเป้าหมายของหลักสูตร หรือเป็นไปตามความคาดหวังหรือความต้องการของสังคมเพียงใด


อ้างอิง : บ้านครูเจนจิรา.(2021).การประเมินหลักสูตร,สืบค้นเมื่อวันที่25สิงหาคม. 2564.จาก.https://sites.google.com/a/crru.ac.th/ban-khunkhru-cen-ci-ra/bth-thi-7-kar-pramein-hlaksut

              สุพรรณี บุญชาญ.(2560).การประเมินหลักสูตร,สืบค้นเมื่อวันที่25สิงหาคม2564.จาก.http://603150110295.blogspot.com/2018/10/10.html



                                                    แบบทดสอบแบบปรนัย


1.ระยะในการประเมินหลักสูตรมีกี่ระยะ

ก. 2 ระยะ
ข. 3 ระยะ
ค. 4 ระยะ
ง. 5 ระยะ

2.ข้อใดคือการประเมินหลักสูตรก่อนนำหลักสูตรไปใช้

ก. Input Evaluation-I
ข. Summative Evaluation
ค. Project Analysis
ง. Formative Evaluation

3.ข้อใดคือการประเมินหลักสูตรระหว่างดำเนินการใช้หลักสูตร

ก. Input Evaluation-I
ข. Summative Evaluation
ค. Project Analysis
ง. Formative Evaluation

4.ข้อใดคือการประเมินหลังจากการใช้หลักสูตรครบวงจร

ก. Input Evaluation-I
ข. Summative Evaluation
ค. Project Analysis
ง. Formative Evaluation

5.การนำผลการดำเนินงานของหลักสูตรหนึ่งไปเปรียบเทียบกับผลของหลักสูตรอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันเป็นการกำหนดเกณฑ์การประเมินแบบใด

ก.เกณฑ์สัมบูรณ์               ข.เกณฑ์สัมพัทธ์
ค.เกณฑ์โมเดลความงอกงาม ง.เกณฑ์เชิงปริมาณ

6.ในการวางแผนประเมินหลักสูตร ข้อใดมาจากคำว่าประเมินอะไร

ก.การประเมินนี้จะทำเมื่อมีผู้สำเร็จตามหลักสูตร
ข.การประเมินครั้งนี้ใช้ทั้งแบบสังเกตและแบบสัมภาษณ์
ค.การประเมินทำระหว่างกำลังใช้หลักสูตร
ง.ประเมินหลักสูตรว่าบรรลุจุดประสงค์หลักสูตรเพียงใด

7.การที่สามารถบอกว่า หลักสูตรบรรลุตามเป้าหมาย หรือจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ ทราบได้จากข้อใด

ก. กำหนดขอบเจต            ข. การออกแบบหลักสูตร
ค. การใช้หลักสูตร             ง. การประเมินผล

8.ข้อใดคือการประเมินสภาพแวดล้อม 

ก. Product Evaluation-P
ข. Context Evaluation-C
ค. Process Evaluation-P
ง. Input Evaluation-I

9.ข้อใดคือการประเมินปัจจัยเบื้องต้น

ก. Product Evaluation-P
ข. Context Evaluation-C
ค. Process Evaluation-P
ง. Input Evaluation-I

10. ข้อใดคือการประเมินผลิตผล

ก. Product Evaluation-P
ข. Context Evaluation-C
ค. Process Evaluation-P
ง. Input Evaluation-I


                                    แบบทดสอบแบบอัตนัย


1.การประเมินหลักสูตรแบบซิป(CIPP Model) คืออะไร จงอธิบาย

ตอบ............................................................................................


2.การประเมินรายละเอียดของหลักสูตรโดยพิจารณาคุณภาพของสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรประกอบด้วยกี่ส่วน อะไรบ้าง

ตอบ............................................................................................


3.การประเมินหลักสูตรแบบซิป(CIPP Model) ประกอบด้วยอะไรบ้าง

ตอบ............................................................................................


4.การประเมินหลักสูตรก่อนนำหลักสูตรไปใช้มีกี่ลักษณะ อะไรบ้าง

ตอบ............................................................................................


5. การประเมินสภาพแวดล้อม (Context Evaluation-C) คืออะไร จงอธิบาย

ตอบ............................................................................................




แนวคำตอบ

1) ตอบ  เป็นการประเมินสภาพข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรในด้านต่าง ๆ ให้มีความครอบคลุมมากที่สุด


2) ตอบ 1) วัตถุประสงค์ของหลักสูตร 

2)คุณลักษณะของผู้สอนคุณลักษณะของผู้เรียนปริมาณและคุณภาพของโสตทัศนูปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการใช้หลักสูตร

 3)กิจกรรมของผู้สอนและผู้เรียนที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์การใช้หลักสูตร 


3) ตอบ   4.1  การประเมินสภาพแวดล้อม (Context Evaluation-C) 

4.2  การประเมินปัจจัยเบื้องต้น (Input Evaluation-I)

4.3  การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation-P)

4.4  การประเมินผลิตผล (Product Evaluation-P) 


4) ตอบ 1. ประเมินหลักสูตรเมื่อสร้างหลักสูตรฉบับร่างเสร็จแล้วก่อนจะนำหลักสูตรไปใช้จริง

2. ประเมินผลในขั้นตอนทดลองใช้เพื่อปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ขาดตกบกพร่องหรือเป็นปัญหาให้มีความสมบูรณ์

5) ตอบ

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2564

8.การประเมินหลักสูตร



 8.1 ความหมายของการประเมินหลักสูตร

     การประเมินหลักสูตรหมายถึง  การศึกษารวบรวมข้อมูลของหลักสูตรทั้งหมดเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำการดำเนินการใช้และผลของการใช้หลักสูตรตลอดจนการตัดสินคุณค่าและคุณภาพของหลักสูตรแล้วนำมาวิเคราะห์เทียบกับเกณฑ์เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจให้คุณค่าแก่หลักสูตรว่าหลักสูตรมีข้อดี จุดอ่อนในเรื่องใด รวมทั้งผลการใช้หลักสูตรและตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณค่าตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่


8.2 จุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตร

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ใช้สำหรับจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ กำหนดคุณภาพของผู้เรียนเมื่อสำเร็จการศึกษาไว้5ข้อดังนี้

(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวศึกษาธิการ.2551: 3 - 4)

1. มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

2. มีความรู้ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต

3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีมีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย

4. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

5. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข


8.3 ระยะของการประเมินหลักสูตร

การประเมินหลักสูตรมีความสำคัญหลายประการซึ่งเมื่อวิเคราะห์จำแนกตามช่วงเวลาการประเมินหลักสูตร ระยะ ได้แก่ การประเมินก่อนการใช้หลักสูตร การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตรและการประเมินหลังการใช้หลักสูตร แต่ละระยะมีความสำคัญดังต่อไปนี้

1. การประเมินก่อนการใช้หลักสูตร ช่วยทำให้ทราบว่าเอกสารหลักสูตรมีความถูกต้อง หรือไม่ มีความชัดเจนอ่านแล้วเข้าใจตรงกันหรือไม่ ทรัพยากรที่ใช้ในหลักสูตรมีเพียงพอหรือไม่ผู้บริหาร และผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจในหลักสูตรที่จะใช้เพียงใด แผนการใช้หลักสูตรมีความชัดเจนเพียงใด ซึ่งการประเมินหลักสูตรก่อนการใช้หลักสูตร เป็นปัจจัยเอื้อต่อการใช้หลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพ

2. การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตร ช่วยทำให้ทราบว่าการใช้หลักสูตรมีประสิทธิภาพเพียงใด เช่น การบริหารงานวิชาการ การจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลสื่อการเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ คุณภาพผู้เรียน เป็นต้น การประเมินระหว่างใช้หลักสูตรเน้นการประเมินเพื่อปรับปรุงและพัฒนา (evaluation for improvement) เป็นสำคัญ

3. การประเมินหลังการใช้หลักสูตรช่วยทำให้ทราบประสิทธิผลของหลักสูตร คือ คุณภาพของผู้เรียนตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ซึ่งโดยทั่วไปแบ่งเป็น ด้าน คือ ด้านการรู้คิด (cognitive)ด้านทักษะการปฏิบัติ(psychomotor) และด้านอารมณ์และเจตคติ (affective)


8.4 สิ่งที่ต้องประเมินในเรื่องของหลักสูตร

1. การประเมินเป็นการประเมินค่าของเรื่องที่ตัดสินใจ

2. การตัดสินใจมีเกณฑ์ที่ชัดเจน

3. เกณฑ์การตัดสินใจมีประเด็นที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับเนื้อหา

4. เกณฑ์แสดงให้เห็นด้วยบุคคลและสอดคล้องกับแนวคิดของแบบจำลองเพื่อนำไปสู่การตัดสินใ



8.5 ขั้นตอนการประเมินหลักสูตร

ขั้นตอนในการประเมินหลักสูตร

1. ขั้นกำหนดวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายในการประเมินการกำหนดจุดมุ่งหมายในการประเมินเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการในการดำเนินการประเมินหลักสูตร ผู้ประเมินต้องกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมินให้ชัดเจนว่าจะประเมินอะไร จะทำให้เราสามารถกำหนดวิธีการ เครื่องมือ และขั้นตอนในการประเมินได้อย่างถูกต้อง
           2. ขั้นกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการที่จะใช้ในการประเมินผล การกำหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนำไปสู่เป้าหมายของการประเมิน เกณฑ์การประเมินจะเป็นเครื่องบ่งชี้คุณภาพในส่วนของหลักสูตรที่ถูกประเมิน การกำหนดวิธีการที่จะใช้ในการประเมินผลทำให้เราสามารถดำเนินงานไปตามขั้นตอนได้อย่างราบรื่น
           3. ขั้นการสร้างเครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่จะมีผลทำให้การประเมินนั้นน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผู้ประเมินจะต้องเลือกใช้และสร้างอย่างมีคุณภาพ มีความเชื่อถือได้และมีความเที่ยงตรงสูง

4. ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล ในขั้นการรวบรวมข้อมูลนั้นผู้ประเมินต้องเก็บรวบรวมข้อมูลตามขอบเขตและระยะเวลาที่กำหนดไว้ ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลมีส่วนช่วยให้ข้อมูลที่รวบรวมได้มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ
           5. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะต้องกำหนดวิธีการจัดระบบข้อมูล พิจารณาเลือกใช้สถิติในการวิเคราะห์ที่เหมาะสม แล้วจึงวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้
           6. ขั้นสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลการประเมิน ในขั้นนี้ผู้ประเมินจะสรุปและรายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นต้น ผู้ประเมินจะต้องพิจารณารูปแบบของการรายงานผลว่าควรจะเป็นรูปแบบใด และการรายงานผลจะมุ่งเสนอข้อมูลที่บ่งชี้ให้เห็นว่าหลักสูตรมีคุณภาพหรือไม่ เพียงใด มีส่วนใดบ้างที่ควรแก้ไข ปรับปรุงหรือยกเลิก
           7. ขั้นนำผลที่ได้จากการประเมินไปพัฒนาหลักสูตรในโอกาสต่อไป



8.6 เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินหลักสูตร

หลักเกณฑ์การประเมินหลักสูตร

  1. มีจุดประสงค์ในการประเมินที่แน่นอน การประเมินผลหลักสูตรจะต้องกำหนดลงไปให้แน่นอนชัดเจนว่าประเมินอะไร
                2. มีการวัดที่เชื่อถือได้ โดยมีเครื่องมือและเกณฑ์การวัดซึ่งเป็นที่ยอมรับ
                3. ข้อมูลเป็นจริงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการประเมินผล ดังนั้น ข้อมูลจะต้องได้มาอย่างถูกต้องเชื่อถือได้และมากพอที่จะใช้เป็นตัวประเมินค่าหลักสูตรได้
                4. มีขอบเขตที่แน่นอนชัดเจนว่าเราต้องการประเมินในเรื่องใดแค่ไหน
                5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ
                6. การรวบรวมข้อมูลมาเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ และกำหนดเครื่องมือในการประเมินผล จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
                7. การวิเคราะห์ผลการประเมินต้องทำอย่างระมัดระวังรอบคอบ และให้มีความเที่ยงตรงในการพิจารณา
                8. การประเมินผลหลักสูตรควรใช้วิธีการหลายๆวิธี
                9. มีเอกภาพในการตัดสินผลการประเมิน
                10. ผลต่างๆที่ได้จากการประเมินควรนำไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในโอกาสต่อไป เพื่อให้ได้หลักสูตรที่ดีและมีคุณค่าสูงสุดตามที่ต้องการ

 

8.7 ประโยชน์ของการประเมินหลักสูตร

ประโยชน์ของการประเมินหลักสูตร

1. ทำให้ทราบหลักสูตรที่สร้างหรือพัฒนาขึ้นนั้นมีจุดดีหรือจุดเสียตรงไหน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนปรับปรุงได้ถูกจุด ส่งผลให้หลักสูตรมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
                2. สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และค่านิยมที่มีต่อโรงเรียนให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน
                3. ช่วยในการบริหารทางด้านวิชาการ ผู้บริหารจะได้รู้ว่าควรจะตัดสินใจและสนับสนุนช่วยเหลือ หรือบริหารทางด้านใดบ้าง
                4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในความสำคัญของการศึกษา
                5. ส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโรงเรียนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้การเรียนการสอนนักเรียนได้ผลดี ด้วยความร่วมมือกันทั้งทางโรงเรียนและทางบ้าน

6. ให้ผู้ปกครองทราบความเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาทางส่งเสริมและปรับปรุงแก้ไขร่วมกันระหว่างผู้ปกครองนักเรียนกับทางโรงเรียน
                7. ช่วยให้การประเมินผลเป็นระบบระเบียบ เพราะมีเครื่องมือ และหลักเกณฑ์ทำให้เป็นเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
                8. ช่วยชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของหลักสูตร
                9. ช่วยให้สามารถวางแผนการเรียนในอนาคตได้ ข้อมูลของการประเมินผลหลักสูตร ทำให้ทราบเป้าหมายแนวทางและขอบเขตในการดำเนินการจัดการศึกษาของโรงเรียน


8.8 ปัญหาในการประเมินหลักสูตร

ปัญหาในการประเมินหลักสูตร

1. ปัญหาด้านการวางแผนการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรมักไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ทำให้ขาดความละเอียดรอบคอบในการประเมินผล และไม่ครอบคลุมสิ่งที่ต้องการประเมิน
                2. ปัญหาด้านเวลา การกำหนดเวลาไม่เหมาะสมการประเมินหลักสูตร ไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด ทำให้ได้ข้อมูลเนิ่นช้าไม่ทันต่อการนำมาปรับปรุงหลักสูตร
                3. ปัญหาด้านความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการประเมินหลักสูตร คณะกรรมการประเมินหลักสูตรไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องหลักสูตรที่จะประเมิน หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินผล ทำให้ผลการประเมินที่ได้ไม่น่าเชื่อถือ ขาดความละเอียดรอบคอบ ซึ่งมีผลทำให้การแก้ไขปรับปรุงปัญหาของหลักสูตรไม่ตรงประเด็น
                4. ปัญหาด้านความเที่ยงตรงของข้อมูล ข้อมูลที่ไม่ใช้ในการประเมินไม่เที่ยงตรงเนื่องจากผู้ประเมินมีความกลัวเกี่ยวกับผลการประเมิน จึงทำให้ไม่ได้เสนอข้อมูลตามสภาพความเป็นจริงหรือผู้ถูกประเมินกลัวว่าผลการประเมินออกมาไม่ดี จึงให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง

5.ปัญหาด้านวิธีการประเมิน การประเมินหลักสูตรส่วนมากมาจากการประเมินในเชิงปริมาณ ทำให้ได้ข้อค้นพบที่ผิวเผินไม่ลึกซึ้ง จึงควรมีการประเมินผลที่ใช้วิธีการประเมินเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพควบคู่กัน เพื่อให้ได้ผลสมบูรณ์และมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
                6.ปัญหาด้านการประเมินหลักสูตรทั้งระบบ การประเมินหลักสูตรทั้งระบบมีการดำเนินงานน้อยมาก ส่วนมากมักจะประเมินผลเฉพาะด้าน เช่น ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในด้านวิชาการ (
Academic Achievement) เป็นหลัก ทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
                7.ปัญหาด้านการประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการประเมินหลักสูตรหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมักไม่ประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
                8.ปัญหาด้านเกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การประเมินหลักสูตรไม่ชัดเจน ทำให้ผลการประเมินไม่เป็นที่ยอมรับ และไม่ได้นำผลไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรอย่างจริงจัง


อ้างอิง:บ้านครูเจนจิรา.(2021).การประเมินหลักสูตร,สืบค้นเมื่อวันที่18สิงหาคม. 2564.จาก.https://sites.google.com/a/crru.ac.th/ban-khunkhru-cen-ci-ra/bth-thi-7-kar-pramein-hlaksut

นัยนาจันทรสมัย.(2021).การประเมินหลักสูตร,สืบค้นเมื่อวันที่18สิงหาคม 2564.จาก.https://sites.google.com/site/viewnaiyana/kar-pramein-hlaksutr     


           

                            แนวข้อสอบแบบปรนัย


1.หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ใช้สำหรับจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ กำหนดคุณภาพของผู้เรียนเมื่อสำเร็จการศึกษาไว้กี่ข้อ

ก. 4 ข้อ                ข. 5 ข้อ

ค. 6 ข้อ                ง. 7 ข้อ


2.ระดับผลการประเมินข้อใดกล่าวถูกต้อง

ก. รายวิชาพื้นฐาน มีระดับผลการประเมินเป็น ยอดเยี่ยม ปานกลาง ควรปรับปรุง
ข. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีระดับผลการประเมินเป็น ดีเยี่ยม ดี ผ่าน ไม่ผ่าน
ค. การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน มีระดับผลการประเมินเป็น ดีเยี่ยม ดี ผ่าน ไม่ผ่าน
ง. คุณลักษณะอันพึ่งประสงค์ มีระดับผลการประเมินเป็น ดีเยี่ยม ดี ผ่าน

3.การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต้องสอดคล้องกับสิ่งใด

ก. หลักสูตร
ข. นโยบายของรัฐ
ค. ความทันสมัย
ง. แบบเรียน

4.ปัญหาในการประเมินหลักสูตรมีกี่ข้อ

ก. 5 ข้อ
ข. 6 ข้อ
ค. 7 ข้อ
ง. 8 ข้อ

5.ระยะของการประเมินหลักสูตรมีกี่ระยะ

ก. 2 ระยะ
ข. 3 ระยะ
ค. 4 ระยะ
ง. 5 ระยะ

6.จากกรณีตัวอย่างการประเมินหลักสูตร เรื่อง การประเมินหลักสูตรศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิตสาขาวิจัยและประเมินผลการศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2545) เป็นการประเมินหลักสูตรในลักษณะใด

ก.เอกสารหลักสูตร
ข.ก่อนการใช้หลักสูตร
ค.ทดลองนำร่องหลักสูตร
ง.หลังการใช้หลักสูตร

7.ข้อใดคือรูปแบบการประเมินหลักสูตรโดยอิงจุดประสงค์

ก.รูปแบบการประเมินหลักสูตรของไทเลอร์
ข.รูปแบบการประเมินหลักสูตรของครอนบาค
ค.รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค
ง.รูปแบบการประเมินหลักสูตรของอัลคิน

8.ในการวางแผนประเมินหลักสูตร ข้อใดมาจากคำว่าประเมินอะไร

ก.การประเมินนี้จะทำเมื่อมีผู้สำเร็จตามหลักสูตร
ข.การประเมินครั้งนี้ใช้ทั้งแบบสังเกตและแบบสัมภาษณ์
ค.การประเมินทำระหว่างกำลังใช้หลักสูตร
ง.ประเมินหลักสูตรว่าบรรลุจุดประสงค์หลักสูตรเพียงใด

9.ข้อใดเป็นหลักสูตร

ก.การจัดทำแผนการสอน
ข.ร่างเอกสารการสอน
ค.เอกสารตำราที่ใช้ในการเรียนการสอน
ง.มวลประสบการณ์การเรียนรู้

10.หลักสูตรแม่บทระดับชาติคือหลักสูตรอะไร

ก.หลักสูตรที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง
ข.หลักสูตรทั่ว ๆ ไป
ค.หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับคนส่วนใหญ่ในชาติ
ง.หลักสูตรที่บรรจุความจำเป็นที่ทุกคนในประเทศต้องรู้เหมือนกันหมด


แบบทดสอบแบบอัตนัย

1. จงยกตัวอย่างประโยชน์ของการประเมินหลักสูตรมาอย่างน้อย 3 ข้อ
ตอบ........................................................................................................

2.จงยกตัวอย่างปัญหาของการประเมินหลักสูตรมาอย่างน้อย 3 ข้อ
ตอบ........................................................................................................

3.ขั้นตอนการประเมินหลักสูตรมีกี่ขั้นตอน อะไรบ้าง
ตอบ........................................................................................................

4.การประเมินหลักสูตร มีความหมายว่าอย่างไร
ตอบ........................................................................................................

5.จงวาดแผนผังของการประเมินหลักสูตร
ตอบ.........................................................................................................



แนวคำตอบ


1) ตอบ   1. ทำให้ทราบหลักสูตรที่สร้างหรือพัฒนาขึ้นนั้นมีจุดดีหรือจุดเสียตรงไหน 
                2. สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และค่านิยมที่มีต่อโรงเรียนให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน
                3. ช่วยในการบริหารทางด้านวิชาการ ผู้บริหารจะได้รู้ว่าควรจะตัดสินใจและสนับสนุนช่วยเหลือ หรือบริหารทางด้านใดบ้าง
                4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในความสำคัญของการศึกษา

2) ตอบ 1. ปัญหาด้านการวางแผนการประเมินหลักสูตร 
            2. ปัญหาด้านเวลา การกำหนดเวลาไม่เหมาะสมการประเมินหลักสูตร 
            3. ปัญหาด้านความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการประเมินหลักสูตร

3) ตอบ 1. ขั้นกำหนดวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายในการประเมินการกำหนดจุดมุ่งหมาย
 2. ขั้นกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการที่จะใช้ในการประเมินผล
3. ขั้นการสร้างเครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
4. ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล
5. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
6. ขั้นสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลการประเมิน 
7. ขั้นนำผลที่ได้จากการประเมินไปพัฒนาหลักสูตรในโอกาสต่อไป

4) ตอบ การศึกษารวบรวมข้อมูลของหลักสูตรทั้งหมดเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำการดำเนินการใช้และผลของการใช้หลักสูตรตลอดจนการตัดสินคุณค่าและคุณภาพของหลักสูตรแล้วนำมาวิเคราะห์เทียบกับเกณฑ์เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ


5) ตอบ