วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2564

12.การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับหลักสูตรสถานศึกษา

12.1 การบูรณาการ


ความหมายของการบูรณาการ

   การบูรณาการ (Integration) หมายถึง การประสานกลมกลืนกันของแผน กระบวนการ สารสนเทศ การจัดสรรทรัพยากร การปฏิบัติการ ผลลัพธ์ และการวิเคราะห์ เพื่อสนับสนุนเป้าประสงค์ที่สำคัญขององค์กร การบูรณาการที่มีประสิทธิผล เป็นมากกว่าความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน (Alignment) และจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อการดำเนินการของแต่ละองค์ประกอบภายในระบบการจัดการผลการดำเนินการมีความเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์

ลักษณะการบูรณาการ


      1. การบูรณาการเชิงเนื้อหาสาระ เป็นการผสมผสานเชื่อมโยงเนื้อหาสาระ ในลักษณะการหลอมรวมกันโดยการตั้งเป็นหน่วย (  Unit ) หรือหัวเรื่อง ( Theme )
      2. การบูรณาการเชิงวิธีการ  เป็นการผสมผสานวิธีการสอนแบบต่าง ๆ เข้าในการสอน  โดยการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลายวิธี  การสนทนา  การอภิปราย  การใช้คำถาม  การบรรยาย  การค้นคว้าและการทำงานกลุ่ม  การไปศึกษานอกห้องเรียน  และการนำเสนอข้อมูลเป็นต้น
      3. การบูรณาการความรู้กับกระบวนการเรียนรู้ โดยออกแบบการเรียนรู้ให้มีทั้งการให้ความรู้และกระบวนการไปพร้อม ๆ กัน เช่น กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการแก้ปัญหา และ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอดเป็นต้น
      4. การบูรณาการความรู้  ความคิด  กับคุณธรรม  โดยเน้นทั้งพุทธิพิสัยและจิตพิสัยเป็นการเรียนที่สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมไปพร้อม ๆ กัน  เพื่อที่นักเรียนจะได้เป็น ผู้มีความรู้ คู่คุณธรรม ” 
      5. การบูรณาการความรู้กับการปฏิบัติ เน้นการปฏิบัติจริง ควบคู่ไปพร้อมๆ กับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
      6. การบูรณาการความรู้ในโรงเรียนกับชีวิตจริงของนักเรียน พยายามให้เด็กได้เรียนรู้เนื้อหาที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้เห็นคุณค่าและความหมายในสิ่งที่เรียน (สิริพัชร์ เจษฎาวิโรจน์.  2546: 25)

รูปแบบการบูรณาการ

รูปแบบของการบูรณาการ  (Models  of  Integration)

 รูปแบบของการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการมี  4  รูปแบบ  คือ

      1.  การสอนบูรณาการแบบสอดแทรก  (Infusion  Instruction) 

 การสอนรูปแบบนี้ครูผู้สอนในวิชาหนึ่งสอดแทรกเนื้อหาของวิชาอื่น ๆ  เข้าไปในการสอนของตน  เป็นการวางแผนการสอนและสอนโดยครูเพียงคนเดียว

2.  การสอนบูรณาการแบบขนาน  (Parallel  Instruction) 

การสอนตามรูปแบบนี้  ครูตั้งแต่  2  คนขึ้นไปสอนต่างวิชากัน  ต่างคนต่างสอนแต่ต้องวางแผนการสอนร่วมกันโดยมุ่งสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกัน (Theme/concept/problem)  ระบุสิ่งที่ร่วมกันและตัดสินในร่วมกันว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหานั้นๆ  อย่างไรในวิชาของแต่ละคน  งานหรือการบ้านที่มอบหมายให้นักเรียนทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิชา แต่ทั้งหมดจะต้องมีหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน

3.  การสอนบูรณาการแบบสหวิทยาการ  (Multidisciplinary  Instruction) 

ขนาน (Parallel  Instruction)  กล่าวคือครูตั้งแต่  2  คนขึ้นไปสอนต่างวิชากัน  มุ่งสอนหัวเรื่อง  ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกันต่างคนต่างแยกกันสอนเป็นส่วนใหญ่  แต่มีการมอบหมายงาน  หรือโครงการ (Project)  ร่วมกัน  ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงสาขาวิชาต่าง ๆ  เข้าด้วยกัน  ครูทุกคนจะต้องวางแผนร่วมกันเพื่อที่จะระบุว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหานั้น ๆ  ในแต่ละวิชาอย่างไร  และวางแผนสร้างโครงการร่วมกัน(หรือกำหนดงานจะมอบหมายให้นักเรียนทำร่วมกัน)  และกำหนดว่าจะแบ่งโครงการนั้นออกเป็นโครงการย่อย ๆ  ให้นักเรียนปฏิบัติแต่ละรายวิชาอย่างไร 

4.  การสอนบูรณาการแบบข้ามวิชาหรือเป็นคณะ  (Transdisciplinary  Instrction)

การสอนตามรูปแบบนี้ครูที่สอนวิชาต่าง ๆ  จะร่วมกันสอนเป็นคณะหรือเป็นทีม  ร่วมกันวางแผน  ปรึกษาหารือ  และกำหนดหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน  แล้วร่วมกันดำเนินการสอนนักเรียนกลุ่มเดียวกัน



12.2 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


แนวคิดเกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นคำที่ประชาชนชาวไทยได้ยินกันมาอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ภาคราชการ และภาคเอกชน ต่างพยายามน้อมนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันและประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานในองค์การ


ทฤษฎีเกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกี่ยวกับการจัดพื้นที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและมีชีวิตอย่างยั่งยืน โดยมีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วน ๆ ได้แก่ พื้นที่น้ำ พื้นที่ดินเพื่อเป็นที่นาปลูกข้าว พื้นที่ดินสำหรับปลูกพืชไร่นานาพันธุ์ และที่สำหรับอยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ ในอัตราส่วน 30:30:30:10 เป็นหลักการในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้

  1. มีการบริหารและจัดแบ่งที่ดินแปลงเล็ก ออกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน เพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร
  2. มีการคำนวณโดยหลักวิชาการ เกี่ยวกับปริมาณน้ำที่จะกักเก็บให้พอเพียง ต่อการเพาะปลูกได้ตลอดปี
  3. มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ สำหรับเกษตรกรรายย่อย 3 ขั้นตอน เพื่อให้พอเพียงสำหรับเลี้ยงตนเองและเพื่อเป็นรายได้


องค์ประกอบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


   ความพอประมาณ  หมายถึง  ความพอดีต่อความจำเป็น และเหมาะสมกับฐานะของตนเอง สังคม  สิ่งแวดล้อม  รวมทั้งวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น ไม่มากเกินไป  ไม่น้อยเกินไป และต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น

          ความมีเหตุผล  หมายถึง  การตัดสินใจดำเนินการเรื่องต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลตามหลักวิชาการ  หลักกฎหมาย หลักศีลธรรมจริยธรรม และวัฒนธรรมที่ดีงาม โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง  ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบรู้และรอบคอบ

          ระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี  หมายถึง  การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม  เพื่อให้สามารถปรับตัวและรับมือได้อย่างทันท่วงที

          เงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้การตัดสินใจ และการกระทำเป็นไปพอเพียง จะต้องอาศัยทั้งคุณธรรมและความรู้  ดังนี้

          เงื่อนไขคุณธรรม  ที่จะต้องสร้างเสริมให้เป็นพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ ประกอบด้วย ด้านจิตใจ คือการตระหนักในคุณธรรม  รู้ผิดชอบชั่วดี ซื่อสัตย์สุจริต ใช้สติปัญญาอย่างถูกต้องและเหมาะสมในการดำเนินชีวิต และด้านการกระทำ คือมีความขยันหมั่นเพียร อดทน ไม่โลภ ไม่ตระหนี้ รู้จักแบ่งปัน และรับผิดชอบในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม

          เงื่อนไขความรู้   ประกอบด้วยการฝึกตนให้มีความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน มีความรอบคอบ และความระมัดระวังที่จะนำความรู้ต่าง ๆ เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน  เพื่อประกอบการวางแผน และในขั้นปฏิบัติ


การนำเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้

- ยึดหลัก พออยู่ พอกิน พอใช้

- ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่าย ลดความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีพ

- ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องและสุจริต

- ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันในการค้าขาย 

- มุ่งเน้นหาข้าวหาปลา ก่อนมุ่งเน้นหาเงินหาทอง

- ทำมาหากินก่อนทำมาค้าขาย

 - ภูมิปัญญาชาวบ้านและที่ดินทำกิน คือ ทุนทางสังคม

- ตั้งสติที่มั่นคง ร่างกายที่แข็งแรง ปัญญาที่เฉียบแหลม นำความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อปรับวิถีชีวิตสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

 


12.3การบูรณาการหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในหลักสูตรสถานศึกษา

  การจัดการศึกษาตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถดำเนินการได้ใน 2 ส่วน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษา และส่วนที่เป็นการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งส่วนที่ 2 นี้ ประกอบด้วย การสอดแทรกสาระเศรษฐกิจพอเพียง ในหลักสูตรและสาระเรียนรู้ในห้องเรียนและประยุกต์หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
   
            การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาในระยะแรก ได้เริ่มจากการไปค้นหากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่มีคุณลักษณะ และการจัดการที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือพอประมาณกับศักยภาพของนักเรียน พอประมาณกับภูมิสังคมของโรงเรียนและชุมชนที่ตั้ง เช่น เด็กช่วงชั้นที่ 2 ทำสหกรณ์ได้ เด็กช่วงชั้นที่ 4 ดูแลสิ่งแวดล้อม มีการส่งเสริมให้ใช้ความรู้อย่างรอบคอบระมัดระวัง ฝึกให้เด็กคิดเป็นทำเป็นอย่างมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันส่งเสริมให้เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความซื่อสัตย์ สุจริต รับผิดชอบ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น มีวินัย มีสัมมาคารวะ ปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม สืบสานวัฒนธรรมไทย กล่าวคือ สอนให้ผู้เรียน ยึดมั่นในหลักศีลธรรม พัฒนาคนให้เขารู้จักทำประโยชน์ให้กับสังคมและช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และตัวกิจกรรมเองก็ต้องยั่งยืน โดยมีภูมิคุ้มกันในด้านต่างๆ ถึงจะเปลี่ยนผู้อำนวยการแต่กิจกรรมก็ยังดำเนินอยู่อย่างนี้เรียกว่ามีภูมิคุ้มกัน
               การค้นหาตัวอย่างกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ก็เพื่อให้มีตัวอย่างรูปธรรม ในการสร้างความเข้าใจภายในวงการศึกษาว่าหลักเศรษฐกิจพอเพียงหมายความว่าอย่างไร และสามารถนำไปใช้ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนได้อย่างไรบ้าง หลังจากนั้น ก็ส่งเสริมให้บูรณาการการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมเหล่านี้    
 เข้าไปในการเรียนรู้สาระต่างๆ บูรณาการเข้ากับทุกสาระเรียนรู้ เช่น วิทยาศาสตร์ เพื่อทำให้เกิดสมดุลทางสิ่งแวดล้อม บูรณาการเข้ากับวิชาคณิตศาสตร์ ในการสอนการคำนวณที่มีความหมายในการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง หรือบูรณาการเข้ากับสาระภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สุขศึกษา พลศึกษา การงานอาชีพ เทคโนโลยีต่างๆ ได้หมด นอก เหนือ
จากการสอนในสาระหลักคือในกลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาวัฒนธรรมเท่านั้น

 สำหรับมาตรฐานการเรียนรู้ มีวัตถุประสงค์ให้ทุกช่วงชั้นเข้าใจหลักเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถประยุกต์ใช้ได้ แต่ถ้ามาตรฐานเรียนรู้ของทุกช่วงชั้นเหมือนกันหมดก็จะมีปัญหาทางปฏิบัติ จึงต้องกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนในการเรียนการสอนของแต่ละช่วงชั้นและแต่ละชั้นปีดังนี้
               ช่วงชั้นที่ 1 เน้นให้เด็กพึ่งตนเองได้ หรือใช้ชีวิตพอเพียงระดับบุคคลและครอบครัว เช่น ประถม 1 ช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ล้างจานชาม เก็บขยะไปทิ้ง กวาดบ้าน จัดหนังสือไปเรียนเอง แบ่งปันสิ่งของให้เพื่อน กินอาหารให้หมดจาน  
ประถม 2 วิเคราะห์รายจ่ายของครอบครัว จะมีเป็นตารางกรอกค่าใช้จ่ายต่างๆ ของครอบครัว คุณแม่ซื้ออะไรบ้าง คุณพ่อซื้ออะไรบ้าง เด็กจะได้รู้พ่อแม่หาเงินมายากแค่ไหน เช่น ยาสีฟันหลอดละ 46 บาท จะต้องไม่เอามาบีบเล่น จะต้องสอนให้เด็กเห็นคุณค่าของสิ่งของ ให้เด็กตระหนักถึงคุณค่าของเงินทอง จะได้ฝึกนิสัยประหยัด ครอบครัวมีรายได้และรายจ่ายเท่าไร เด็กจะได้ฝึกจิตสำนึกและนิสัยพอเพียง มีหลายโรงเรียนทำแล้ว ประถม 3 สอนให้รู้จักช่วยเหลือครอบครัวอย่างพอเพียงและรู้จักแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นมีส่วนร่วมสร้างครอบครัวพอเพียง
   
            ช่วงชั้นที่ 2 ฝึกให้เด็กรู้จักประยุกต์ใช้หลักความพอเพียงในโรงเรียน สามารถวิเคราะห์วางแผนและจัดทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายของตนเองและครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนร่วมในการสร้างความพอเพียงระดับโรงเรียน และชุมชนใกล้ตัว โดยเริ่มจากการสำรวจทรัพยากรต่างๆ ในโรงเรียนและชุมชน มีส่วนร่วมในการดูแลบำรุงรักษาทรัพยากรต่างๆ ทั้งด้านวัตถุ สิ่งแวดล้อม ภูมิปัญญา วัฒนธรรม และรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ มาเป็นข้อมูลในการเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนและเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
   
            ช่วงชั้นที่ 3 ประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงกับชุมชน มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน สามารถสำรวจและวิเคราะห์ความพอเพียงในระดับต่างๆ และในมิติต่างๆ ทั้งทางวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมในชุมชนใกล้ตัว เห็นคุณค่าของการใช้หลักพอเพียงในการจัดการชุมชน และในที่สุดแล้วสามารถนำหลักการพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของแต่ละคน จนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่ความพอเพียงได้ในที่สุด
               ช่วงชั้นที่ 4 เตรียมคนให้เป็นคนที่ดีต่อประเทศชาติสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้     ต้องเริ่มเข้าใจความพอเพียงระดับประเทศ และการพัฒนาประเทศภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ เช่น  
การวิเคราะห์สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ หรือการศึกษาสถานการณ์สิ่งแวดล้อมสภาพปัญหาด้านสังคมเป็นอย่างไรแตกแยกหรือสามัคคีเป็นต้น


เอกสารอ้างอิง

งานจัดการความรู้คณะแพทยาศาสตร์ศิริราชพยาบาล.(2021).ความหมายการบูรณาการ , สืบค้นเมื่อวันที่2กันยายน2021.จาก.https://www2.si.mahidol.ac.th/km/knowledgeassets/definition/1957/

มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ.(2555).แนวคิดเกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง , สืบค้นเมื่อวันที่2กันยายน2021.จาก.http://www.pidthong.org/philosophy.php#.YTBOEo4zY2w

Nirattisai071.(2551).การบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียงกับการศึกษา , สืบค้นเมื่อวันที่2กันยายน2564.จาก.https://sites.google.com/site/nirattisai071/sersthkic-phx-pheiyng-kab-kar-suksa

กรมการขนส่งทางบก.(2563).การนำเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ , สืบค้รเมื่อวันที่2กันยายน2564.จาก.https://www.dlt.go.th/site/khonkaen/m-news/10031/view.php?_did=26281



แบบทดสอบแบบปรนัย

1.บูรณาการ หมายถึง
    • ก. 

      การนำเอาศาสตร์สาขาวิชาต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาผสมผสานเข้าด้วยกันให้กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน จนมีความสมบูรณ์ครบถ้วนในตัวเอง

    • ข. 

      ทำให้หน่วยย่อยๆที่มีความสัมพันธ์กันร่วมกันทำหน้าที่ อย่างผสมกลมกลืน

    • ค. 

      การนำศาสตร์หรือความรู้วิชาต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันนำมาเข้าด้วยกันหรือผสมผสานได้อย่างกลมกลืน เพื่อนำมาจัดเป็นการเรียนการสอนภายใต้หัวข้อเดียวกัน เชื่อมโยงกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    • ง. 

      ถูกทุกข้อ

2.ข้อใดคือลักษณะสำคัญของการสอนแบบบูรณาการ
    • ก. 

      เป็นการบูรณาการระหว่างความรู้ กระบวนการ และการปฏิบัติ

    • ข. 

      เป็นการบูรณาการระหว่างวิชาได้อย่างกลมกลืน

    • ค. 

      เป็นการบูรณาการระหว่างสิ่งที่เรียนกับชีวิตจริง

    • ง. 

      เป็นการบูรณาการเพื่อจัดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาต่างๆ ทำให้เกิดความสัมพันธ์กันระหว่างความคิดรวบยอดของวิชาต่างๆ เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความหมาย

    • จ. 

      ถูกทุกข้อ

3.การบูรณาการแบบสหวิทยาการ(Interdisciplinary) คือ
    • ก. 

      การกำหนดหัวข้อ(Theme) ขึ้นมา แล้วนำความรู้จากวิชาต่างๆมาเชื่อมโยงให้สัมพันธ์กับหัวข้อนั้น

    • ข. 

      การนำเรื่องที่ต้องการบูรณาการไป สอดแทรกในวิชาต่างๆ โดยแยกสอนเป็นรายวิชา

    • ค. 

      ถูก ทั้ง ก และ ข

    • ง. 

      ถูกเฉพาะ ก

4.การบูรณาการแบบพหุวิทยาการ(Multidisciplinary)  คือ
    • ก. 

      การกำหนดหัวข้อ(Theme) ขึ้นมา แล้วนำความรู้จากวิชาต่างๆมาเชื่อมโยงให้สัมพันธ์กับหัวข้อนั้น

    • ข. 

      การนำเรื่องที่ต้องการบูรณาการไป สอดแทรกในวิชาต่างๆ โดยแยกสอนเป็นรายวิชา

    • ค. 

      ถูก ทั้ง ก และ ข

    • ง. 

      ถูกเฉพาะ ก

5.ทำอย่างไรจึงจะจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
    • ก. 

      ครูมีความเชื่อมั่นและเข้าใจตรงกันในเรื่องการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ

    • ข. 

      ครูได้วางแผน ได้คิดกระบวนการเรียนรู้และมีการประเมินผลร่วมกัน

    • ค. 

      ต้องยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ให้ผู้เรียนสามารถค้นหาคำตอบได้ด้วยตนเองและได้ลงมือปฏิบัติจริง

    • ง. 

      เน้นการเรียนรู้ที่เกิดจากการนำวิชาต่างๆ เชื่อมโยงกันมากกว่าที่จะเกิดจากเนื้อหาใดเนื้อหาหนึ่งเท่านั้น

    • จ. 

      ถูกทุกข้อ

6. ก่อนที่จะบูรณาการทุกครั้ง ควรตั้งคำถามคือ
    • ก. 

      ทำไมถึงต้องบูรณาการ

    • ข. 

      แน่ใจเพียงใดว่าบูรณาการแล้วจะได้ผลดี

    • ค. 

      ความกลมกลืนระหว่างเนื้อหาที่จะเรียน

    • ง. 

      ธรรมชาติของวิชาว่าสอดคล้องกันหรือไม่

    • จ. 

      ถูกเฉพาะ ก และ ข

7.เราจะทราบได้อย่างไรว่ามีการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
    • ก. 

      ผู้เรียนมีโอกาสได้เลือกเรียนตามความถนัด ความสนใจของตนเอง

    • ข. 

      มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย กว้างขวางตามความพร้อมของผู้เรียน

    • ค. 

      มีการเชื่อมโยงสาระสำคัญหรือความคิดรวบยอดต่างๆ อย่างมีความหมาย

    • ง. 

      ถูกทุกข้อ

8.การประเมินผลการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยใช้รูปแบบสหวิทยาการคือข้อใด
    • ก. ครูคนเดียวประเมิน
      ข. ครูแยกกันประเมิน
      ค. ครูประเมินผลงานในแต่ละชิ้นในส่วนที่ตนสอนโดยกำหนดเกณฑ์เอง
      ง. ครูประเมินผลร่วมกันในงานชิ้นเดียวกันโดยมีเกณฑ์ตัดสินร่วมกัน


  • 9. E -filing หมายถึงข้อใด

    ก. การบริหารจัดการสำนักงาน
    ข. การบริหารจัดการเอกสารอิเลคทรอนิก
    ค. การจัดการศึกษาโดยใช้เอกสารอิเลคทรอนิก
    ง. ถุกทุกข้อ

10.ข้อใดถูกต้องที่สุด เมื่อกล่าวถึงการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการในรูปแบบขนาน
  • ก. ครูคนเดียวสอนหลายวิชา
    ข. ครูหลายวิชาสอนในหัวเรื่องเดียวกัน
    ค. ครูหลายคนต่างคนต่างสอนในวิชาของตนเอง
    ง. ครูหลายคนช่วยกันสอนในวิชาเดียวกัน



แบบทดสอบแบบอัตนัย

1.การนำเสนอชิ้นงาน/โครงการ เพื่อให้ครูผู้สอนประเมินผลงานจากเกณฑ์การประเมินผล ซึ่งได้วางแผนไว้ด้วยกัน เป็นการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการโดยใช้รูปแบบใด
ตอบ..................................................................................................................

2.องค์ประกอบของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีกี่องค์ประกอบ อะไรบ้าง
ตอบ..................................................................................................................

3.ความพอประมาณหมาย คืออะไร
ตอบ..................................................................................................................

4.การบูรณาการ หมายถึงอะไร
ตอบ..................................................................................................................

5.รูปแบบการบูรณาการมีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง
ตอบ..................................................................................................................

แนวคำตอบแบบอัตนัย

1) ตอบ แบบขนาน

2) ตอบ  มี5องค์ประกอบ
ความพอประมาณ  
ความมีเหตุผล
ระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี  

เงื่อนไขคุณธรรม  เงื่อนไขความรู้  

3) ตอบ ความพอดีต่อความจำเป็น และเหมาะสมกับฐานะของตนเอง สังคม  สิ่งแวดล้อม  รวมทั้งวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น ไม่มากเกินไป  ไม่น้อยเกินไป 

4) ตอบ การประสานกลมกลืนกันของแผน กระบวนการ สารสนเทศ การจัดสรรทรัพยากร การปฏิบัติการ ผลลัพธ์ และการวิเคราะห์ เพื่อสนับสนุนเป้าประสงค์ที่สำคัญขององค์กร การบูรณาการที่มีประสิทธิผล

5) ตอบ   1.  การสอนบูรณาการแบบสอดแทรก  (Infusion  Instruction) 

2.  การสอนบูรณาการแบบขนาน  (Parallel  Instruction) 

3.  การสอนบูรณาการแบบสหวิทยาการ  (Multidisciplinary  Instruction) 

4.  การสอนบูรณาการแบบข้ามวิชาหรือเป็นคณะ  (Transdisciplinary  Instrction)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น