วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2564

5.พื้นฐานของการพัฒนาหลักสูตร

5.1 พื้นฐานด้านปรัชญาการศึกษา

               ปรัชญากับการศึกษามีความสัมพันธ์กันคือ ปรัชญามุ่งศึกษาของชีวิตและจักรวาลเพื่อหาความจริงอันเป็นที่สุด ส่วนการศึกษามุ่งศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์และวิธีการที่พัฒนามนุษย์ให้มีความเจริญงอกงาม สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความสุขประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพทั้งปรัชญาและการศึกษามีจุดสนใจร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งคือ การจัดการศึกษาต้องอาศัยปรัชญาในการกำหนดจุดมุ่งหมายและหาคำตอบทางการศึกษา

                                                                            

5.2 พื้นฐานด้านสังคมและวัฒนธรรม

    ข้อมูลพื้นฐานด้านสังคมที่สำคัญที่ควรศึกษาเพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตร คือ ข้อมูลที่เกี่ยวกับสภาพของสังคม และแนวคิดของการพัฒนาการทางสังคมซึ่งมี 5 ยุคคือ

          1.ยุคเกษตรกรรม

          2.ยุคอุตสาหกรรม

          3.ยุคสังคมข่าวสารข้อมูล

          4.ยุคข้อมูลพื้นฐานความรู้

          5. ยุคปัญญาประดิษฐ์

          การศึกษาข้อมูลดังกล่าวนั้นเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำหลักสูตรให้เหมาะสมกับผู้เรียนในยุคสมัยต่างๆ ประการสำคัญอีกประการหนึ่งในการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านสังคมนั้นมุ่งการสร้างเครือข่ายหรือความร่วมมือของชุมชนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการจัดทำหลักสูตร เพราะบางรายวิชา สภาพชุมชนและสังคมไม่เอื้ออำนวยหรือส่งเสริมเท่าที่ควรก็อาจเป็นอุปสรรคในการจัดการศึกษา  โดยข้อมูลพื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านสังคมนี้ สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้จากเอกสารรายงานต่างๆ หรือเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสำรวจ สอบถาม และการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ


5.3 พื้นฐานด้านจิตวิทยา

    ในการจัดทำหลักสูตรนั้น นักพัฒนาหลักสูตรต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานทางจิตวิทยา ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียนว่าผู้เรียนเป็นใคร มีความต้องการและความสนใจอะไร มีพฤติกรรมอย่างไร จิตวิทยาการเรียนรู้จะถูกนำมาใช้เพื่อให้ได้ความรู้ในเรื่องธรรมชาติของการเรียนรู้และปัจจัยทางจิตวิทยาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งทฤษฎีการเรียนรู้ได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆได้แก่
          1. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (
Behaviorism)
          2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มปัญญานิยม (Cognitivism)
          3. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษย์นิยม (Humanism)
          4. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มสรรค์สร้างนิยม (Constructivism)
 


5.4 พื้นฐานด้านธรรมชาติการเรียนรู้


การเรียนรู้เป็นกระบวนการ การเกิดการเรียนรู้ของบุคคลจะมีกระบวนการของการเรียนรู้จากการไม่รู้ไปสู่การเรียนรู้ 5 ขั้นตอน คือ

  1. มีสิ่งเร้ามากระตุ้นบุคคล
  2. บุคคลสัมผัสสิ่งเร้าด้วยประสาททั้ง 5
  3. บุคคลแปลความหมายหรือรับรู้สิ่งเร้า
  4. บุคคลมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างใดอย่างหนึ่งต่อสิ่งเร้าตามที่รับรู้
  5. บุคคลประเมินผลที่เกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้า

การเรียนรู้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งเร้า (Stimulus) มากระตุ้นบุคคล ระบบประสาทจะตื่นตัวเกิดการรับสัมผัส (Sensation) ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 แล้วส่งกระแสประสาทไปยังสมองเพื่อแปลความหมายโดยอาศัยประสบการณ์เดิมเป็นการรับรู้ (Perception)ใหม่ อาจสอดคล้องหรือแตกต่างไปจากประสบการณ์เดิม แล้วสรุปผลของการรับรู้นั้น เป็นความเข้าใจหรือความคิดรวบยอด (Concept) และมีปฏิกิริยาตอบสนอง (Response) อย่างใดอย่างหนึ่งต่อสิ่งเร้า ตามที่รับรู้ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแสดงว่า เกิดการเรียนรู้แล้ว


5.5 พื้นฐานด้านเศรษฐกิจ


ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมที่มีสภาพเศรษฐกิจดี จะทำให้สามารถจัดการศึกษาให้กับคนในสังคมได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

ประเด็นที่ควรพิจารณาในการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

1. การเตรียมกำลังคน การศึกษาผลิตกำลังคนในด้านต่าง ๆ ให้เพียงพอ พอเหมาะ สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละสาขาอาชีพ คือมีความรู้ ทักษะ และคุณสมบัติต่าง ๆ ตรงตามที่ต้องการทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ

2. การพัฒนาอาชีพ จัดหลักสูตรเพื่อพัฒนาอาชีพตามศักยภาพและท้องถิ่น

3. การขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรม พัฒนาหลักสูตรให้สามารถพัฒนาคนให้มีความพร้อมสำหรับการขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรม

         4. การใช้ทรัพยากรให้หลักสูตรเป็นเครื่องปลูกฝังความสำคัญของทรัพยากร ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
          5. การพัฒนาคุณลักษณะของบุคคลในระบบเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงของสังคม
          6. การลงทุนทางการศึกษา คำนึงถึงคุณค่าและผลตอบแทนของการศึกษา เพื่อไม่ก่อให้เกิดความสูญเปล่าระบบการนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด


5.6 พื้นฐานด้านการเมืองการปกครอง


 เพื่อเป็นการวางรากฐานทางด้านประชาธิปไตย  การจัดการศึกษาให้เหมาะสมกับระบบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย  ควรจัดตามลำดับดังนี้
              1. การจัดการศึกษาให้เท่าเทียมทั่วถึง
              2. ให้อำนาจการจัดการศึกษากระจายในท้องถิ่น
              3. ให้เสรีภาพและเสถียรภาพแก่บุคคล ให้โอกาสแสดงความคิดเห็น
              4. การเรียนการสอนควรส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย ให้โอกาสผู้เรียนแสวงหาความรู้
              5. ส่งเสริมการแก้ไขปัญหาตนเอง
              6. จัดหลักสูตรให้ยืดหยุ่นได้ง่าย
              7. เน้นวิชามนุษย์สัมพันธ์และจริยธรรมเป็นพิเศษ
              นอกจากนั้นการปลูกฝังอบรมสั่งสอนนักเรียน ก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประชาธิปไตยของไทยมีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นด้วยวิธีการดังนี้
              1. ชี้ให้เห็นประโยชน์ประชาธิปไตยโดยการให้คำแนะนำและปฏิบัติ
              2. สร้างนิสัยให้มีความกระตือรือร้น สนใจเหตุการณ์บ้านเมือง
              3. ปลูกฝังการมีวินัยและการเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น
              4. ฝึกการเคารพกฎเกณฑ์ต่างๆ อย่างเข้มผู้เข้มงวด
              5. กระตุ้นและปลูกฝังให้มีความตั้งใจเรียน ซื่อสัตย์ รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติ
              6. ฝึกให้ความสนใจและร่วมกันพิจารณาปัญหาต่าง ของสังคมและหาทางแก้ไข
              7. หาโอกาสให้ให้ความร่วมมือประกอบกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม
              8. ช่วยแก้ไขค่านิยมที่ไม่เหมาะสมในสังคมและสร้างค่านิยมที่ดีและเหมาะสม
              9. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่าการเมืองเป็นเรื่องการให้ความร่วมมือ การเสียสละ และการช่วยชาติเพื่อบุคคลรุ่นใหม่จะได้เป็นนักการเรียนที่ดี
              10. ให้ความรู้และกระตุ้นให้สนใจการเมืองโดยคำนึงถึงหลักการ วิธีการ สิทธิหน้าที่ในฐานะพลเมืองของประเทศ
              11. ปลูกฝังให้มีความพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองทั้งในระดับโรงเรียน ท้องถิ่น และประเทศชาติ
              12. ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีแนวคิดว่าทุกคนควรมีบทบาททางการเมือง และการเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคนทั้งทางตรงและทางอ้อม
              13. เน้นให้เห็นความสำคัญของการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
              จากตัวอย่างดังกล่าวพอจะเป็นแนวทางกำหนดเนื้อหา  กิจกรรมการจัดการเรียนการสอนและประสบการณ์เรียนรู้ไว้เป็นหลักสูตร  เพื่อให้ผู้เรียนที่จบการศึกษาเป็นผลเมืองที่มีคุณภาพสอดคล้องกับระบบการเมืองการปกครองของประเทศ


5.7 พื้นฐานด้านความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์

ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การศึกษาจึงต้องสอดคล้องไปกับความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นักพัฒนาหลักสูตรจึงต้องใช้ข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประกอบการกำหนดเนื้อหาของหลักสูตร และวิธีการจัดการเรียนรู้ กล่าวคือกำหนดเนื้อหาที่พอเพียง ทันสมัย ให้ผู้เรียนได้ทราบถึงผลกระทบที่เกิดจากความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม กำหนดให้ใช้วิธีการและสื่อการเรียนอันทันสมัย เช่น การสอนแบบทางไกล การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใช้อินเทอร์เน็ต (internet) ในการจัดการเรียนรู้ เป็นต้น

พื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะเกี่ยวข้องกับการจัดทำหลักสูตรใน 2 ลักษณะคือ
          1.นำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อพัฒนาคนให้พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงในสังคม
          2.ใช้ในการพัฒนากระบวนการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

      ดังนั้นการศึกษาข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีผลทั้งในปัจจุบันและแนวโน้มความเจริญในอนาคต จะทำให้สามารถพัฒนาหลักสูตรที่สามารถพัฒนาคนในสังคมให้มีศักยภาพเหมาะสมกับการดำำรงชีวิตอยู่ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตามความต้องการของสังคม







แบบทดสอบแบบปรนัย

1. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของหลักสูตรได้ถูกต้อง

ก. ความรู้ ทักษะ กระบวนการที่จัดให้ผู้เรียน
ข. ความรู้ทั้งมวลที่จัดให้ผู้เรียน
ค. ประสบการณ์ทั้งมวลที่จัดให้ผู้เรียน
ง. ประสบการณ์จากครูผู้สอนที่ถ่ายทอดให้ผู้เรียน

2. ขั้นตอนแรกของการพัฒนาหลักสูตรคือ

ก. การนำหลักสูตรไปใช้
ข. การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
ค. กำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
ง. การกำหนดเนื้อหาและประสบการณ์เรียนรู้

3. บุคคลในข้อใดมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาหลักสูตร

ก. ผู้บริหาร
ข. ครู
ค. ชุมชน

ง. ถูกทุกข้อ

4. ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาหลักสูตรคือ

ก. การนำหลักสูตรไปใช้
ข. กำหนดจุดมุ่งหมาย
ค. การประชาสัมพันธ์หลักสูตร
ง. ประเมินหลักสูตร

5.การเกิดการเรียนรู้ของบุคคลจะมีกระบวนการของการเรียนรู้จากการไม่รู้ไปสู่การเรียนรู้ มี่กี่ขั้นตอน

ก. 2 ขั้นตอน
ข. 3 ขั้นตอน
ค. 4 ขั้นตอน

ง. 5 ขั้นตอน

6.ในการจัดทำหลักสูตรนั้น นักพัฒนาหลักสูตรใช้พื้นฐานด้านจิตวิทยากี่กลุ่ม

ก. 2 กลุ่ม
ข. 3 กลุ่ม
ค. 4 กลุ่ม

ง. 5 กลุ่ม

7.แนวคิดของการพัฒนาสังคมมีกี่ยุคสมัย

ก. 2 ยุค
ข. 3 ยุค
ค. 4 ยุค

ง. 5 ยุค

8. Cognitivism มีความหมายว่าอย่างไร

ก. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม 
ข. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษย์นิยม
ค. 
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มสรรค์สร้างนิยม 
ง. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มปัญญานิยม

9.การจัดการศึกษาให้เหมาะสมกับระบบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย  ควรจัดตามลำดับ ลำดับข้างต้นีกี่ลำดับ

ก. 5 ลำดับ
ข. 6 ลำดับ
ค. 7 ลำดับ

ง. 8 ลำดับ

10.ประเด็นที่ควรพิจารณาในการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจมีกี่ประเด็นสำคัญ

ก. 5 ประเด็น
ข. 6 ประเด็น
ค. 7 ประเด็น

ง. 8 ประเด็น


          

แบบทดสอบแบบอัตนัย


1. ปรัชญากับการศึกษามีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ตอบ.......................................................................................................................................

2. แนวคิดพื้นฐานทางด้านสังคม ในการพัฒนาสังคมนั้นมีกี่ยุค อะไรบ้าง

ตอบ.......................................................................................................................................

3. นการจัดทำหลักสูตรนั้น นักพัฒนาหลักสูตรใช้พื้นฐานด้านจิตวิทยากี่กลุ่ม อะไรบ้าง

ตอบ.......................................................................................................................................

4.ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมมีชื่อภาษาอังกฤษว่าอย่างไร

ตอบ.......................................................................................................................................

5.หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม มีความหมายว่าอย่างไร

ตอบ.......................................................................................................................................




แนวคำตอบ

1) ตอบ ปรัชญามุ่งศึกษาของชีวิตและจักรวาลเพื่อหาความจริงอันเป็นที่สุด ส่วนการศึกษามุ่งศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์และวิธีการที่พัฒนามนุษย์ให้มีความเจริญงอกงาม

2) ตอบ มี 5 ยุค ได้แก่

               1.ยุคเกษตรกรรม

          2.ยุคอุตสาหกรรม

          3.ยุคสังคมข่าวสารข้อมูล

          4.ยุคข้อมูลพื้นฐานความรู้

          5. ยุคปัญญาประดิษฐ์

 

3) ตอบ มี 4 กลุ่ม

          1. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism)
          2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มปัญญานิยม (Cognitivism)
          3. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษย์นิยม (Humanism)
          4. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มสรรค์สร้างนิยม (Constructivism)
 


4) ตอบ Behaviorism

5)  ตอบ เป็นหลักสูตรที่ยึดเอาสังคมและชีวิตของเด็กเป็นหลัก

                 








 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น